7 สัญญาณอันตราย ได้เวลารักษา “รากฟัน”
7 สัญญาณอันตราย ได้เวลารักษา “รากฟัน”
เมื่อเรามีอาการปวดฟันตุ๊บๆ ตามจังหวะการเต้นของชีพจร หรือเจ็บ หรือปวดฟันเวลาเคี้ยว หรือกัดอาหาร หรือปวดและบวมเหงือกจากอาการเหงือกติดเชื้อ หรือปวดเมื่อฟันกระทบกัน หรือปวดฟันโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือแม้กระทั่งเวลานอนตอนกลางคืน หรือปวดฟันโดยไม่ต้องมีสิ่งกระตุ้น เช่น น้ำเย็น หรืออาหารหวาน เราควรรักษาสาเหตุหลักของปัญหา ซึ่งคือ “รากฟัน” โดยเราสามารถรักษารากฟันได้ด้วยวิธีง่ายๆ ตามนี้
1 การทำความสะอาดปากอย่างถูกต้อง
เพื่อรักษารากฟันอย่างเหมาะสม เราควรปฏิบัติตามขั้นตอนการทำความสะอาดปากอย่างถูกต้อง โดยรวมถึงการแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ใช้สิทธิประโยชน์จากสิ่งที่เรามีอยู่ในบ้านเช่น ไหมขัดฟัน ไหมผงฟู และเสียงเครื่องช่วยทำความสะอาดปาก อีกทั้งควรระวังการบริโภคอาหารที่เป็นสาเหตุหลักในการเกิดปัญหารากฟัน เช่น อาหารหวาน และเครื่องดื่มที่มีความหวานสูง
2 การรับประทานอาหารที่เหมาะสม
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหาร รวมถึงฟันและเหงือก สามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของรากฟันได้ ดังนั้น ควรเลือกอาหารที่มีส่วนประกอบที่สมดุลย์ เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อปลา และนมผึ้ง เพื่อให้รากฟันของเราแข็งแรงและสุขภาพดีอยู่เสมอ
3 การรักษาจากทันตแพทย์
หากมีอาการปวดฟันหรือปัญหารากฟันที่รุนแรงขึ้น ควรพบทันตแพทย์ทันทีเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม ทันตแพทย์จะสามารถใช้เทคนิคการรักษาที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ไขปัญหารากฟัน ซึ่งอาจจะเป็นการรักษาทางศัลยศาสตร์หรือการรักษาด้วยเทคนิคทางเคมี โดยขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหารากฟันแต่ละราย
4 การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งาน
พฤติกรรมในการใช้งานปาก อาทิเช่น การเลื่อนเหงือก การเคี้ยวอาหารอย่างแรง หรือการบีบรัดฟันอย่างผิดวิธี อาจเป็นสาเหตุหลักในการเกิดปัญหารากฟัน ดังนั้น ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมดังกล่าว เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหารากฟันและเกิดอาการปวดฟัน
5 การตรวจสุขภาพประจำปี
การตรวจสุขภาพประจำปีเป็นสิ่งที่สำคัญ เพราะทันตแพทย์สามารถตรวจสอบสภาพรากฟันและเหงือกของเราได้อย่างละเอียด และตรวจพบปัญหารากฟันที่ยังไม่แสดงอาการ ซึ่งจะช่วยให้เรารับการรักษาตั้งแต่เริ่มต้นและป้องกันปัญหารากฟันในระยะยาวได้
สรุป
อาการปวดฟันตุ๊บๆ หรือปัญหารากฟันสามารถรักษาได้โดยการรักษาสาเหตุหลักที่เป็น “รากฟัน” โดยปฏิบัติตามขั้นตอนการทำความสะอาดปากอย่างถูกต้อง รับประทานอาหารที่เหมาะสม พบทันตแพทย์เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้งานปาก และตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ด้วยวิธีเหล่านี้ เราสามารถรักษาปัญหารากฟันได้อย่างเหมาะสมและสามารถเพลิดเพลินไปกับชีวิตแบบปกติได้โดยไม่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหารากฟันอีกต่อไป